Posted on

สารอาหารไฟโตสเตอรอลในน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอรี่

จำหน่ายน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่-สารอาหารไฟโตสเตอรอล-www riceberrygermoils

#สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) คืออะไร เรามาดูกันค่ะ

สารอาหารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) คือ สารพฤกษเคมี ที่คล้ายๆ คอเลสเตอรอลนั่นเอง แต่เป็นสารที่มีประโยชน์

 

ไฟโตสเตอรอล มักจะพบในธัญพืช เช่น ถั่ว น้ำมันพืช (#น้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันงา) งา #จมูกข้าว #รำข้าว ไข่แดง ตับ กุ้ง ปู เป็นต้น

เหล่านี้คือ กลุ่มของอาหารที่พบว่ามี สารไฟโตสเตอรอลสูงหรือเรียกว่าเข้มข้นก็ว่าได้

โดยเฉพาะในน้ำมันรำข้าว #น้ำมันจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่นั้น ค่าความข้นนี่เยอะมากสุดในตลาดสินค้าเดียวกัน และกลุ่มของน้ำมันพืชต่างๆ เป็นต้น

ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols)
แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
1.สเตอรอล(Sterol)
2.สตานอล(Stanols)

ซึ่งสารกลุ่มแรกนี้จะมีความใกล้เคียงกับคอเลสเตอรอล ซึ่งขณะที่สารกลุ่มหลัง เป็นชนิดที่มีผลดีต่อสุขภาพหากนำมาบริโภค

ทั้งนี้เพราะ stanol นั้นสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้

งั้นเรามาดูประโยชน์ของไฟโตสเตอรอล
ต่อค่ะ

หลักประโยชน์คือ ลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว(LDL Cholesterol)
ซึ่งก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้

นอกจากไฟโตสเตอรอลจะมีประวัติการใช้มาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งจากการทดลองในการใช้งานต่างๆ ยังไม่ปรากฏผลข้างเคียง

จึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยรับรองความปลอดภัยของไฟโตสเตอรอล แต่อาจจะมีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน (Vitamin A,D,E,K)

รวมถึงกลุ่มแคโรทีน จึงควรรับประทานอาหารและผลไม้ที่อุดมไปด้วยแคโรทีนและวิตามินที่ละลายในไขมันเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นกำลังเสริมเข้าสู่ร่างกายก็จะดียิ่งขึ้นนะคะ

สำหรับกลุ่มผู้ป่วย ที่ต้องรับประทานยาลดไขมันในเลือดนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานไฟโตสเตอรอลนะคะ และอย่าลืมควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายเพื่อให้การควบคุมระดับไขมันในเลือดได้ดียิ่งขึ้นคะ

เพราะการนำสารไฟโตสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย ต้องบอกว่ามีผลกับสุขภาพของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน

เพราะร่างกายคนเรานั้นมีระบบที่ดูดซึมอาหารเสริมหรือสารอาหารแตกต่างกันออกไป

แต่สำหรับท่านที่ต้องการลดคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย ขอบอกเลยว่าไฟโตสเตอรอลช่วยคุณได้

เพราะสารไฟโตสเตอรอลเป็นสารที่สามารถค้นพบได้มากในพืชต่างๆ เช่น รำข้าว จมูกข้าว ไข่แดง

สั่งซื้อสินค้า
ทักinbox
m.me/riceberryoil.patty

Posted on

Stroke 1 ในโรค NCDs ภัยเงียบมาไม่ทันตั้งตัว

จำหน่ายน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่-Stoke NCDs-www riceberrygermoils

น้ำมันรำข้าวไรซ์เบอรี่ สกัดภายใน 24 ชั่วโมง ทำไมต้อง 24 ชั่วโมง

(จากการศึกษาวิจัยค้นคว้าพบว่า สาร Gamma Oryzanol ในรำข้าวและจมูกข้าวนั้น จะสลายตัวไปจากการขัดสีข้าวแล้วเกิน 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงต้องใช้รำข้าวสดที่เก็บไว้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง)

อีกทั้งน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอรี่ยังมันสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์จึงเป็นที่ยอมรับและส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น

จึงมั่นใจได้ว่าปราศจากสารตกค้าง ผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐาน ระดับ World Class ได้การรับรองมาตรฐานการผลิต GMP มาตรฐานระบบการผลิตอาหารปลอดภัย และ HACCP รวมถึงมาตรฐานอาหารฮาลาล (HALAL)

ขึ้นทะเบียนรับรองจากองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (อย.) เลขที่11-1-10249-1-0365

แพทจึงลองไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอรี่

พบว่าภาวะอุดตันของไขมันในเส้นเลือด หากเกิดขึ้น ในสมองก่อให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ หากหลอดเลือดในร่างกายไหลเวียนไม่ดี ส่งผ่านออกซิเจนได้น้อยลง เปรียบเสมือนร่างกายเรานั้นขาดอากาศหายใจ

จึงทำให้เกิดความเสื่อมของอวัยวะทั้งระบบ เช่น ตับ ไต หัวใจ สมอง ฯลฯ

ซึ่งทางการแพทย์ยังไม่พบตัวยาที่สามารถสลายไขมันอุดตันได้

หากแต่มีงานวิจัยจาก4 สถาบันระดับประเทศ พบสาร Gamma-Oryanol ในรำข้าว และจมูกข้าว ซึ่งช่วยลดภาวะตีบตันลงได้

ทำให้หลอดเลือดขยายกว้างขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดภาวะไหลเวียนเลือดดี อวัยวะร่างกายทั้งระบบกลับฟื้นตัวทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

และในอดีตเราพบว่าคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและมะเร็งต่ำมาก

ทำให้ชาวตะวันตกเขาจึงศึกษาวิจัยและค้นคว้าจนพบสาร Gamma-Oryanol ในรำข้าว และจมูกข้าว ซึ่งมีประโยชน์มหาศาลในการบำบัดภาวะการเสื่อมของหลอดเลือดและโรคต่างๆ ในปัจจุบันเรียกว่าโรคNCDs

จากงานวิจัย สาร Gamma-Oryanol จะสลายตัวไปหากผ่านการขัดสีเกิน 24ชั่วโมง

โดยที่เราทราบว่าน้ำมันรําข้าวไรซ์เบอรี่ คัดสรรรำข้าวสดที่เก็บไว้ไม่เกิน 24ชั่วโมงเท่านั้น และข้าวที่นำมาผลิตก็คือ ข้าวไรซ์เบอรี่ของไทยนั่นเอง

ทั้งนี้สารอาหารในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้ว ยังพบสารอาหารเพิ่มเติมในข้าวอีกหลายชนิด ทั้งยังช่วยให้การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บได้

1. มีสาร Gamma-Orzanol ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด

2. ลดไขมันที่สะสมอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ไม่อ้วน

3. ลดความดันโลหิตและลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ยับยั้งโรคเบาหวานได้ผลดี

4. กรดไขมันไลโนลินิค (Linolenic acid) หรือโอเมก้า 3,6,9 บำรุงสมอง ป้องกันภาวะเสื่อมของสมอง อันเป็นสาเหตุของโรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

5. กรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic acid) หรือโอเมก้า 6ช่วยให้ผิวหนังสดใสมีน้ำมีนวล และช่วยระบบสืบพันธุ์ให้ทำงานเป็นปกติ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ

6. ช่วยในเรื่องการบำบัดอาการผิดปกติของชาย-หญิง วัยเจริญพันธุ์ ให้ผลดีในการรักษาผู้มีบุตรยาก และสตรีวัยทอง

7. มีวิตามินอีในรูปของโทโคเฟอรอล (Tocopherol) และโทโคไทรอี-นอล (Tocotrienol) ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ สำหรับโรคภูมิแพ้จะบำบัดได้ผลดีมาก

8. สารเซราไมด์ (Ceramide) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่มนวลอ่อนเยาว์ ลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น ด่างดำ ฝ้าและกระ ค่อยๆจางลง

9. ลดภาวะท้องผูก ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่

10. มีสารเมลาโทนิน (Melatonin) ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยลดอาการเครียด

11. สารอาหารต่าง ๆ

– วิตามินเอ ( บำรุงสายตา ) , บีรวม ( บำรุงเส้นประสาท รักษาปากเปื่อย ปากนกกระจอก ร้อนใน) , เบต้าแคโรทีน ( บำรุงสายตาและสมอง ช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น) , สารไฟโตสเตอรอล (ลดคอเรสเตอรอลและไตรกรีเซอไรด์ ลดอาการอักเสบ ลดอาการบวม และช่วยสลายลิ่มเลือด ในผู้ที่ป่วยเป็นไขข้ออักเสบ เก๊าท์ จะช่วยได้มาก) , แคลเซียม ( บำรุงกระดูก ) , เหล็ก ( บำรุงเลือด ) , เซเลเนียม (สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ HIV สารตัวนี้จะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้เป็นอย่างดี)

วิธีรับประทาน

– ป้องกัน, ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงผิวพรรณ รับประทาน 2-4 แคปซูล/วัน

– เจ็บป่วย เนื้องอก มะเร็ง (Tumor, Cancer): 6แคปซูล/วัน

คำเตือน

1.น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยาไม่มีฤทธิ์ในการรักษาโรคใดๆทั้งสิ้น ไร้สารเคมี

2.ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละบุคคลและผลลัพธ์ดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคล

สั่งซื้อทัก
m.me/riceberryoil.patty
T.099-0564294

Posted on

โรคหลอดเลือดสมอง Stroke

จำหน่ายน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่-หลอดเลือดสมองตีบ-www riceberrygermoils

STROKE หลายๆคนคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้างพอสมควรอย่างน้อยก็ข่าวดังที่ดารารานักแสดงล้มวูบ ตื่นมาอีกทีก็เปลี่ยนไปแล้ว ขอให้ท่านสละเวลาอ่านสักนิด เพื่อตัวท่านเอง

โรคหลอดเลือดสมอง Stroke

แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

👉Ischemic Stroke เป็น “#ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน” หรือ “#ภาวะสมองขาดเลือด” พบได้ประมาณ 80% ของโรคหลอดเลือดสมอง มีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดจากการสะสมของคราบไขมัน หินปูน ที่ผนังหลอดเลือดชั้นในจนหนานูน แข็ง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้รูของหลอดเลือดค่อยๆ ตีบแคบลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการลำเลียงเลือดลดลง หรืออาจเกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจ หรือการปริแตกของผนังหลอดเลือดหลุดมาอุดตันหลอดเลือดในสมอง

👉Hemorrhagic Stroke เป็น “ภาวะหลอดเลือดสมองแตก” หรือ “ภาวะเลือดออกในสมอง” ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บจากการมีเลือดคั่งในเนื้อสมอง ทำให้เนื้อสมองตายมักพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดมีความเปราะเเละโป่งพอง และสาเหตุอื่นๆ ที่พบได้ เช่น ภาวะโป่งพองของหลอดเลือดสมอง ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคเลือด โรคตับ การรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด การได้รับสารพิษ การใช้สารเสพติด เป็นต้น

👉Transient ischemic attack (TIA) เป็น “ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว” มีอาการคล้ายโรคสมองขาดเลือด แต่มีอาการชั่วคราวมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง ประมาณ 15% ของผู้ป่วยที่มีอาการสมองขาดเลือดชั่วคราว จะมีภาวะโรคหลอดเลือดสมองตามมาจึงถือเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรีบมาโรงพยาบาล เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

💥โรคหลอดเลือดสมอง เป็นได้ทุกวัย
Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง คือ ภาวะที่ทำให้เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตก ทำให้ขัดขวางการลำเลียงเลือดซึ่งนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์สมอง ส่งผลให้สมองสูญเสียการทำหน้าที่จนเกิดอาการของอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

🔥🔥สาเหตุโรคหลอดเลือดสมอง
ในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง เราสามารถปองกันได้ โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมีดังนี้

✔ความดันโลหิตสูง ​เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ควรควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 140/90 mmHg ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 60 ปี, เป็นเบาหวาน หรือเป็นโรคไตวายเรื้อรัง และควรควบคุมความดันโลหิตให้น้อยกว่า 150/90 mmHg ในผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี

✔โรคเบาหวาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลก่อนอาหารให้อยู่ระหว่าง 80 – 130 mg/dl หรือ น้ำตาลสะสม (HbA1C) ให้น้อยกว่า 7 เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดในร่างกาย

คอเลสเตอรอลในเลือดสูง การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง จะทำให้ร่างกายมีค่าไขมันไม่ดี (LDL) ในเลือดสูงซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

✔โรคอ้วน ควรควบคุมน้ำหนักให้มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในช่วง 18.5 – 25 ซึ่งคำนวณโดยวัดน้ำหนักเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง

✔การขาดการออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 – 40 นาที เป็นจำนวน 3 – 4 ครั้ง/ สัปดาห์

✔การสูบบุหรี่จัดและการดื่มสุราเป็นประจำ ผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 หน่วย ( standard drink)/ วัน หรือมากกว่า 14 หน่วย/ สัปดาห์

ผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์เกิน 1 หน่วย ( standard drink)/ วัน หรือมากกว่า 7 หน่วย / สัปดาห์ จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โดยที่ 1 standard drink มีค่าเท่ากับ 10-12 กรัมของ ethanol alcohol เช่น 1 standard drink ของเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ 4% จะมีปริมาณเท่ากับ 300 ml เป็นต้น

✔การใช้สารเสพติด

การหยุดหายใจขณะนอนหลับตอนกลางคืน ผู้ที่มีประวัติหยุดหายใจขณะนอนหลับตอนกลางคืน ซึ่งพบได้บ่อยในคนที่นอนกรนดังๆ หรือมีน้ำหนักตัวมากๆ ควรมาพบแพทย์เพื่อทำ sleep test ดูว่ามีออกซิเจนในเลือดต่ำในช่วงนอนหลับหรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมาได้

หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองบริเวณคอตีบ พบในผู้ที่มีอายุมาก มีความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ สามารถตรวจคัดกรองได้โดยการทำอัลตร้าซาวนด์ดูหลอดเลือดบริเวณคอ

หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือมีลิ้นหัวใจผิดปกติ สามารถทำให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันในหลอดเลือดสมองได้ สามารถตรวจคัดกรองได้โดยการตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือการตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง (echocardiogram)

ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถป้องกันได้
👉ผู้สูงอายุ มีโอกาสเป็นได้มาก เรามักพบโรคหลอดเลือดสมองในผู้สูงอายุ เนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือด
👉เพศชาย พบอุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าเพศหญิง
👉มีประวัติโรคหลอดเลือดสมองในครอบครัว
👉มีประวัติเคยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน

✔สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง
อาการเตือนโรคหลอดเลือดสมองที่เราสามารถสังเกตได้หลักๆ มี 5 สัญญาณเตือนสำคัญ ดังนี้

💥ชาหรืออ่อนแรงใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งอย่างฉับพลัน ทำให้มุมปากตก ปากเบี้ยว อมน้ำไม่อยู่ น้ำไหลออกจากมุมปาก
💥ชาหรืออ่อนแรงที่แขนขาซีกใดซีกหนึ่งอย่างฉับพลัน สูญเสียการทรงตัว
พูดไม่ชัด พูดไม่ออก สับสน นึกคำพูดไม่ออก
💥การมองเห็นมีปัญหาฉับพลัน อาจมองเห็นภาพซ้อน มองเห็นภาพครึ่งเดียว ตาบอดหนึ่งหรือสองข้าง
💥มีอาการปวดศีรษะรุนแรงฉับพลัน

เรามาช่วยกันสังเกตุอาการคนใกล้ตัวหรือตัวเราเอง “FAST STROKE”

Fast #Stroke คือ อีกหนึ่งวิธีในการสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีอาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่ โดยให้สังเกตอาการ ‘ F.A.S.T ‘ ดังนี้

👱F – Face : ใบหน้า
อาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว น้ำลายไหลออกจากมุมปากข้างที่ตก

👯A Arm : แขน
อาการอ่อนแรงของแขน ขา ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย

📢S Speak : การพูด
การพูดลำบาก พูดติดๆ ขัดๆ พูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก

⏰T Time : เวลา
รู้เวลาที่เกิดอาการผิดปกติ คือรู้ว่าเริ่มมีอาการเป็นเวลาเท่าไหร่นับจากที่มีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และควรรีบมาโรงพยาบาลให้ทันภายใน 4.5 ชั่วโมง เนื่องจากในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นตัวจากความพิการได้

อย่าคิดว่ามันไม่เกิดขึ้นกับคุณ ตอนนี้ร่างกายคุณแข็งแรงจริงหรือ? ออกกำลังกายทุกวัน ควบคุมอาหาร แต่หากคุณพักผ่อนน้อยมันจะมาเยือนคุณได้ทันที รู้ไว้ให้ป้องกัน อาหารเสริมช่วยได้เพื่อป้องกันแต่จะรักษาต้องใช้เวลา

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก :รพ.ศิครินทร์
.
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอรี่

แก้ปัญหาหลอดเลือดตีบ ไขมันในเส้นเลือด
✅ไขมันสูง ✅หลอดเลือดตีบ
✅ไขมันในเส้นเลือด ✅ความดันสูง
✅เบาหวาน
✅HDL ต่ำ ✅LDL สูง
✅คอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
✅นอนไม่หลับ ✅พักผ่อนน้อย
✅บำรุงหลอดเลือด
✅ชลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ

🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
ชนิดแคปซูลนิ่ม (ซอร์ฟเจล)จากพืช
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล (500มก.)

ประกอบด้วย
🌾น้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิกส์
🌾สารอาหาร Gamma Oryzanol
🌾สารอาหาร Phytosterols
🌾Vitamin E

อย. 11-1-10249-1-0365

☀วิธีรับประทาน☀
ครั้งละ 2 แคปซูล ก่อนนอน (ทานช่วงท้องว่างได้ผลดีที่สุด)

หากทานเช้าก็เช้าตลอด เพื่อประสิทธิภาพการดูดซึมของร่างกาย

🌿🌿🌿🌿
ขนาดบรรจุ 60 แคปซูล
กระปุกละ 1,190 บาท
ค่าจัดส่ง ฟรี

โปร 3 กระปุก เพียงกระปุกละ 990.-

📌📌📌สนใจสั่งซื้อสินค้า
👉ชื่อ-นามสกุล/ที่อยู่/เบอร์โทร
👉หรือ inbox ได้เลยจ้า
m.me/riceberryoil.patty
Tel.099-0564294

โรคหลอดเลือดสมองตีบ #STROKE #น้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่

โรคหลอดเลือดสมอง โรคอันตรายคร่าชีวิตคนไทยอันดับ2รองจากโรคมะเร็ง
Posted on

ภัยเงียบซ่อนในความอร่อย

ทุกคนคงไม่มีใครปฏิเสธไม่รู้จักอาหารฟาดฟู้ดส์ สุดความอร่อย สะดวกง่าย แต่รู้หรือไม่ว่าบางอย่างที่เราได้นำเข้าสู่ร่างกายเรานั้น หนึ่งในความอร่อยแต่ซ่อนภัยร้ายนั่นคือ “ไขมันทรานส์” วันนี้เรามาทำความรู้จักกันค่ะ

ไขมันทรานส์ มีส่วนประกอบหลักนั้นก็คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีส่วนประกอบจำพวกทรานส์ (trans) แหล่งของไขมันประเภทนี้ คือ สามารถพบได้ในปริมาณน้อยตามธรรมชาติในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาทิเช่น เนื้อสัตว์และนมสัตว์จะผลิตไขมันทรานส์ในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้ นอกจากนั้นไขมันทรานส์ยังได้จากการสังเคราะห์ระหว่างกรรมวิธีการผลิตอาหาร

โดยมีสาเหตุจากกรรมวิธีเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) เข้าไปในน้ำมันพืชทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากยิ่งขึ้น PHOs ใช้โดยผู้ผลิตอาหารเพื่อยืดอายุอาหาร แล้วก็เพิ่มความคงตัวของรสชาติ และ PHOs ยังมีราคาถูก ด้วยเหตุนี้จึงมีอาหารหลากหลายประเภทใช้ PHOs (ไขมันทรานส์) เป็นองค์ประกอบเช่น เนยขาว (shortenings) มาการีน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาการีนที่แข็งมากขึ้น) คุกกี้ ของว่าง (snack foods) อาหารทอด และขนมอบ

ไขมันทรานส์เสมือนไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลทำให้ระดับ LDL สูงมากขึ้นในเลือดทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ แต่ว่าไขมันทรานส์เพิ่มความร้ายกาจเป็นสองเท่าเพราะว่ายังลดระดับ HDL (คอเลสเตอรอลประเภทดีต่อร่างกาย) ในเลือดอีกด้วย

ทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากขึ้น ไขมันที่ดีต่อร่างกายหัวใจนอกจากไขมันไม่อิ่มตัว อาทิเช่น ไขมันโอเมก้า 3 (omega-3 fat) ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ไขมันชนิดนี้สามารถช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด สามารถพบไขมันประเภทนี้ได้ในปลา (แซลมอน แมกเคอเรล แฮร์ริ่ง ซาร์ดีน ทูน่าประเภทครีบยาว(albacore tuna) แล้วก็เรนโบว์เทราต์) เต้าหู้และผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง วอลนัท flaxseed และน้ำมัน flaxseed น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ 

ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีระดับไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และคอเลสเตอรอลต่ำเพื่อรักษาสุขภาพหัวใจ อย่าลืมว่าโรคหัวใจเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในคนทั่วทั้งโลกเหมือนกับคนดังของไทยหลายๆคน ที่ต้องเสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าว เพราะโรคหัวใจนั้น เมื่อเป็นแล้วจะมีพันธมิตรมากมายมาพร้อมๆกันค่ะ

Posted on

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อาการ และการป้องกัน

จำหน่ายน้ำมันรำข้าวไรซ์เบอร์รี่-หลอดเลือกหัวใจตีบ ป้องกันได้-www riceberrygermoils

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีความรุนแรง และสามารถทำให้เสียชีวิตได้ โดยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่ทำให้เสียชีวิตมากเป็นอันดับสองรองลงมาจากโรคมะเร็ง

หากรู้ตัวว่าเป็นแล้วต้องมีการดูแลตนเองเป็นอย่างดี เพื่อยืดอายุของคนไข้ให้ยาวนานขึ้น ด้วยการปรับพฤติกรรมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

หากกระทำได้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถต่อเวลาชีวิตออกไปได้

👉อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

เจ็บแน่นหน้าอก
เหนื่อยง่ายขณะออกแรง
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเรื้อรัง
ความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
หมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น

👉ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
👉ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
👉อายุที่มากขึ้นมีโอกาสเป็นเพิ่มขึ้น
👉เพศชายเป็นได้มากกว่า😱เพศหญิง

👉👉หากในวัยหมดประจำเดือนเพศหญิงมีโอกาสเป็นเท่ากับเพศชาย
👉ประวัติครอบครัว
👉ปัจจัยที่ควบคุมได้
👉สูบบุหรี่
👉ไขมันในเลือดสูง
👉ความดันโลหิตสูง
👉👉ไม่ออกกำลังกาย
👉น้ำหนักมากหรืออ้วน
👉โรคเบาหวาน

กินอาหารไม่มีประโยชน์
ความเครียด

👉👉ผลกระทบหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคที่มีอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้หรือรู้ตัวช้า ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามเวลา

เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีปัจจัยเสี่ยง ไขมันจะเริ่มเกาะที่ผนังหลอดเลือดด้านใน ทำให้หลอดเลือดตีบหรือแคบลง ส่งผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ

หากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดการปริแตกของหลอดเลือด เกล็ดเลือดหลุดเข้าไปอุดตันทางเดินของหลอดเลือด และเมื่อมีการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจเกินร้อยละ 50 คนไข้จะเริ่มมีอาการแสดง

👏👏💊การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

หากหลอดเลือดตีบตันเพียงบางส่วน รักษาด้วยยา💊

หากหลอดเลือดตันมาก รักษาด้วยการทำบอลลูนหัวใจ💖

หากไม่สามารถทำบอลลูนหัวใจได้ รักษาด้วยการผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ

💪การดูแลตนเองในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

💪หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง (ควบคุมอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม ลดน้ำหนักตัว)

💪กินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

💪กินผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร

💪กินอาหารแต่พออิ่ม หลังกินเสร็จพัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพราะหลังกินอาหารเลือดจะไปเลี้ยงที่ท้อง หากไม่พักจะทำให้เจ็บหน้าอก

💪💪ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลังการรักษาแพทย์จะให้คนไข้ฝึกเดิน จากนั้นควรเพิ่มระยะเวลาทีละน้อย

👉ทำจิตใจให้สงบ หาโอกาสพักผ่อน ลดความเครียด

🚭ไม่สูบบุหรี่

🚻การดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

🎂หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว และอาหารเค็มจัด

🌾กินอาหารที่มีไขมันน้อย

ออกกำลังกายเป็นประจำ

หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

🙀นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด

🙅ควบคุมน้ำหนัก

🔍ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

cr: ข้อมูลดีๆจาก รพ.รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล